นิ่งสงบ…สยบความเคลื่อนไหว

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

นิ่งสงบ…สยบความเคลื่อนไหว 

            เมื่อสมัยแรก ๆ ที่ฉันมาทำงานที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น เนื่องจากจำนวนแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินยังมีจำนวนน้อยอยู่ ทำให้ห้องฉุกเฉินยังต้องพึ่งพาแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขาเพื่อมาปฏิบัติงานสับเปลี่ยนกันไปมาในแต่ละเวร

            ฉันจำได้ว่ามีศัลยแพทย์อุบัติเหตุชาวไทยท่านหนึ่งอายุราว 35 ปี จบจากประเทศสหรัฐอเมริกามาอยู่เวรสับเปลี่ยนที่ห้องฉุกเฉิน

            เมื่อมีการลงมือเย็บแผลหรือทำหัตถการครั้งใดไม่ว่าจะยากหรือง่ายเพียงใด ก็พบว่าศัลยแพทย์ท่านนี้มักขว้างปาอุปกรณ์การแพทย์เลอะเทอะอยู่ข้างเตียงหัตถการ พร้อมกับส่งเสียงตะโกนดังโหวกเหวกไปมาอยู่เสมอ ๆ

            ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงดังที่ห้องทำหัตถการเล็กในห้องฉุกเฉิน ก็จะทราบโดยทันทีว่า...เขานี่แหละมาอยู่เวรแล้ว

            ต่อมาศัลยแพทย์ท่านนี้ลาออกเพื่อกลับไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ทำให้ห้องฉุกเฉินกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

            ในที่สุดก็มีศัลยแพทย์อุบัติเหตุชาวไทยรายใหม่มาทำงานแทน รายนี้ทำงานผ่าตัดหรือเย็บแผลไม่ว่าจะยากมากหรือน้อยก็ไม่เคยส่งเสียงดังแต่อย่างใด ซึ่งต่างกันราวฟ้ากับดินจากศัลยแพทย์ที่จบจากสหรัฐอเมริกาท่านนั้น

            เมื่อฉันได้เข้าไปพิจารณาตรวจดูแผลเย็บต่าง ๆ ก็ไม่พบความแตกต่างกันในฝีมือของทั้ง 2 ท่านแต่อย่างใด

ฉันก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างศัลยแพทย์ที่จบจากสหรัฐอเมริกาหรือไทย...คนไหนฝีมือดีกว่ากัน ?

และฉันก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างศัลยแพทย์ที่ทำงานเสียงดังกับเสียงเงียบ...คนไหนเก่งกว่ากัน ?

แต่ที่แน่ ๆ การเป็นผู้นำที่ดีควรสามารถควบคุมอารมณ์ได้ โดยเฉพาะในภาวะคับขัน ผู้นำยิ่งต้องคุมอารมณ์ได้คงที่เพื่อให้ลูกทีมศรัทธาและไม่แตกตื่น

มีเรื่องเล่าว่าผู้นำของประเทศหนึ่งได้เดินทางโดยรถไฟเพื่อไปปฏิบัติงานยังต่างแดน ในขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือบนรถไฟอยู่นั้น ทีมอารักขาได้รายงานว่ามีข่าวผู้ก่อการร้ายได้ซ่อนระเบิดไว้ในโบกี้รถไฟเพื่อหวังสังหารผู้นำรายนี้

ตลอดเวลาที่ทีมอารักขาทำการค้นหาลูกระเบิดที่แอบซ่อนไปตามโบกี้รถไฟนั้น พบว่าท่านผู้นำยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไปด้วยกิริยาใจเย็นและนิ่งสงบ โดยไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อนตื่นตระหนกแต่อย่างใด

หลังเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีและทีมอารักขาได้ทำการกู้ระเบิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คนสนิทรายหนึ่งได้สอบถามท่านผู้นำด้วยความสงสัยว่า

“ท่านไม่ตกใจกลัวการลอบวางระเบิดบนรถไฟเลยหรือครับ”

“ทำไมท่านคิดเช่นนั้นล่ะ” ผู้นำถามกลับโดยทันที

“อ้าว…ก็ผมเห็นท่านนั่งอ่านหนังสือได้อย่างมีสมาธิตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี่ครับ”

ผู้นำตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เราก็รู้สึกกลัวตายเหมือนกับพวกท่านนั่นแหละ แต่เนื่องจากเราไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงได้แต่นั่งเงียบเพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้เพราะตื่นตระหนกไปก็ไม่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้”

บทบาทผู้นำวัดกันด้วยความสามารถในการคุมอารมณ์ยามคับขันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะผู้นำที่คุมสติได้ก็ย่อมคุมสถานการณ์ได้ เพราะถ้าผู้นำแตกตื่นก็ยิ่งทำให้ทีมรวนและสูญเสียศรัทธาต่อผู้นำไปได้เช่นกัน

ดังคำที่ว่า…นิ่งสงบ…สยบความเคลื่อนไหว

ศัลยแพทย์จากสหรัฐอเมริกาท่านแรกที่มาทำงานในห้องฉุกเฉินของไทยนั้นไม่สามารถคุมอารมณ์ได้แม้แต่ในการผ่าตัดผู้ป่วยเพียง 1 ราย ก็ย่อมคิดทำงานใหญ่ไม่ได้ เพราะเพียงแค่ผู้ป่วยรายเดียวก็โวยวายเสียจนผู้ป่วยเองยังเสื่อมศรัทธาและไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในฝีมือผ่าตัดเลย

ผู้นำควรเงียบและนิ่ง ตลอดจนไม่แสดงอารมณ์ให้ผู้คนรอบข้างจับได้ว่ารู้สึกเยี่ยงไร...ไม่แตกต่างจากกลอุบายในการชนะเกมการเล่นไพ่โป๊กเกอร์นั่นเอง

อย่างไรก็ดี มีการฝึกซ้อมงานหนึ่ง หัวหน้ารายหนึ่งได้มายืนตรวจการฝึกซ้อมของลูกน้องด้วย หลายครั้งที่ลูกน้องซักถามข้อข้องใจในการแก้ปัญหา ก็พบว่าหัวหน้ามักยืนยิ้มและไม่ตอบข้อข้องใจแต่อย่างใด

ในที่สุดลูกน้องจึงเปรยว่า “เพราะหัวหน้าไม่รู้นั่นเอง จึงยืนยิ้มไปมาอย่างว่างเปล่า”

ที่จริงแล้วแม้ว่าหัวหน้าจะคุมอารมณ์ได้นิ่ง แต่ก็ไม่ควรนิ่งเงียบมากจนเกินงาม เพราะอาจทำให้ลูกน้องเข้าใจผิดว่าหัวหน้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน

ผู้นำยังคงต้องยึดหลักทางสายกลางตามศาสนาพุทธ

นั่นคือ…ไม่นิ่ง…และไม่แตกตื่นจนเกินงามในยามสถานการณ์คับขัน