ไม่ใช่ธุระของตน

ไม่ใช่ธุระของตน

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน   โรงพยาบาลนครธน

        ยามดึกคืนหนึ่งหลังเลิกงาน ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน ปกติเขามักนั่งรถมอเตอร์ไซค์จากปากซอยเพื่อกลับบ้านที่อยู่เกือบท้ายซอย แต่คืนนั้นพบว่าไม่มีมอเตอร์ไซค์จอดรออยู่ที่เพิงหน้าปากซอยเลย

            เขาจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านเอง ขณะเดินไปถึงกลางซอยซึ่งเป็นพื้นที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากในพงหญ้ารก ๆ นั้น

            ชายคนนี้ยืนคิดชั่งใจว่า ควรจะช่วยหรือไม่

            …ถ้าเราเข้าไปช่วยเหลือ แล้วบังเอิญโจรมีอาวุธก็อาจทำร้ายให้เราเป็นอันตรายได้

            ...ถ้าเราโทรศัพท์ตาม 191 มาช่วยก็อาจจะไม่ทันการ

            ...หรือเราจะไม่ช่วยเหลือ ก็มันไม่ใช่ธุระของเรานี่นา มันเป็นคราวเคราะห์ของเขา

            ในที่สุดชายคนนี้ตัดสินใจที่จะเข้าช่วยเหลือ เขาเริ่มเดินไปหาท่อนไม้ใหญ่แถวนั้น พอได้ไม้ 1 ท่อนขนาดเหมาะมือ ก็เดินตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือเข้าไปในพงหญ้ารกครึ้มนั้น จนกระทั่งพบชายคนหนึ่งกำลังทำมิดีมิร้ายต่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชายคนนี้จึงได้ใช้ไม้ตีไปที่ศีรษะของโจรจนกระทั่งสลบ จากนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กผู้หญิงผู้เคราะห์ร้ายเพื่อพาออกมาที่ถนน พร้อมกับปลอบโยนมาตลอดทาง

            เมื่อพากันออกมาที่ถนนแล้ว ภายใต้แสงไฟจึงพบว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นคือ…ลูกสาวของเขาเอง !!!

            ลูกสาวของเขาเล่าให้ฟังว่า วันนี้ทำกิจกรรมเสร็จจากโรงเรียนก็ค่ำแล้ว พอเดินมาที่ปากซอยก็พบมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่คันเดียว คนขับดูท่าทางไม่น่าไว้ใจแต่เนื่องจากเห็นว่าดึกแล้วจึงรีบว่าจ้างเพื่อให้ขับมาส่งที่บ้านท้ายซอย แต่ก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

            ชายผู้เป็นพ่อท่านนี้ได้แต่นึกเสียวในใจว่า

“ช่างโชคดีที่เราตัดสินใจที่จะช่วยนะเนี่ย ถ้าเราเลือกที่จะไม่ช่วยเพราะคิดว่าไม่ใช่ธุระของตน ก็ย่อมเกิดเรื่องราวที่น่าเสียใจอย่างที่สุดตามมาแน่นอน แต่เพราะเราเลือกที่จะช่วยเหลือจึงทำให้วันนี้ลูกสาวของเรารอดปลอดภัยมาได้”

ในโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง อาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งได้รับรายงานจากพยาบาลและเพื่อนนักศึกษาหลายรายว่า นักศึกษาแพทย์สมคิด มักเริ่มเย็บแผลโดยไม่รอให้ยาชาที่ฉีดรอบแผลออกฤทธิ์ และเย็บแผลไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจที่จะให้ยาแก้ปวดแก่ผู้ป่วย ทั้งที่ผู้ป่วยร้องโอดโอยตลอดเวลาจนกระทั่งเย็บแผลเสร็จ

            อาจารย์แพทย์ท่านนี้รับฟังและตอบแก่ทุกคนที่มาบ่นให้ฟังว่า

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องเจ็บปวดเป็นเรื่องเล็กน้อยเอง ยังไงเขาก็เย็บแผลได้ดีและไม่มีอาการติดเชื้อนี่นา แล้วก็ไม่เห็นมีใครเกิดผลแทรกซ้อนจากการที่เขาเย็บแผลเลยนี่นา เขายังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ พอฝึกไปเรื่อย ๆ โตขึ้นก็จะเข้าใจและทำได้ดีขึ้นเอง นอกจากนี้เขายังต้องฝึกกับอาจารย์อีกหลายท่าน เดี๋ยวก็มีอาจารย์ท่านอื่น ๆ มาช่วยบอกเขาเองแหละ”

อาจารย์คิดต่อไปในใจว่า “ไม่ใช่ภาระของเราคนเดียวสักหน่อย”     

            ในที่สุดนักศึกษาแพทย์สมคิดก็จบไปปฏิบัติงานเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง โดยไม่ได้รับการแก้ไขเรื่องนี้แต่อย่างใด

            หลายปีถัดมา อาจารย์แพทย์ท่านนี้ได้ไปเที่ยวทัศนาจรกับกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น แล้วประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้ทุกคนในรถได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าไปรับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลชุมชนเล็ก ๆ ละแวกนั้น

            อาจารย์ท่านนี้ได้รับบาดเจ็บกระทบกระเทือนทางสมอง มีอาการปวดศีรษะและมึนงงเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีบาดแผลที่ศีรษะยาว 6 เซนติเมตร ซึ่งควรได้รับการเย็บแผล

            พยาบาลแจ้งว่า “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวแพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินในคืนนี้จะมาทำการเย็บแผลให้นะคะ”

            อาจารย์ท่านนี้รับฟังอย่างเงียบ ๆ พร้อมทั้งเริ่มมีอาการมึนศีรษะและปวดศีรษะมากขึ้นเรื่อย ๆ

ต่อมาไม่นานนัก แพทย์เวรก็เดินเข้ามาในห้องฉุกเฉิน อาจารย์รู้สึกคุ้นหน้ากับนายแพทย์ท่านนี้มาก แต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อน

            แพทย์เวรเดินเข้ามาตรวจแผลที่ศีรษะ พร้อมกับสั่งให้พยาบาลปูผ้าคลุมศีรษะเพื่อเตรียมเย็บแผลโดยไม่ได้กล่าวอะไรกับอาจารย์ท่านนี้

            อาจารย์ซึ่งได้รับการคลุมผ้าที่ศีรษะเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมรับการเย็บแผล จู่ ๆ ก็เริ่มจำได้ว่า แพทย์เวรท่านนี้คือนักศึกษาแพทย์สมคิด…ผู้ไม่ชอบให้ยาแก้ปวดแก่ผู้ป่วยนั่นเอง ยังไม่ทันที่อาจารย์จะได้กล่าวอะไรออกไป ทันใดนั้นอาจารย์ก็ได้ยินเสียงนายแพทย์สมคิดพูดขึ้นมาว่า

            “ผู้ป่วยรายนี้ เดี๋ยวผมขอเย็บแผลสด ๆ เลยดีกว่า เพราะจะได้รีบไปทำการตรวจคอมพิวเตอร์สมองว่ามีอะไรไหม จะได้ไม่เสียเวลา ก็แค่เจ็บนิดเดียวเองไม่ตายหรอก”

            “โอ๊ย ๆๆๆๆๆ !!!!”

            จากวันนั้น...ที่อาจารย์ปล่อยปละละเลยปัญหาไป ด้วยเข้าใจว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ใช่ภาระของตน จนวันนี้จึงได้รับผลกระทบจากสิ่งนั้นเอง

ปัญหาที่ไม่ถูกแก้ไขในวันนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเราในทางใดทางหนึ่งก็ได้ในอนาคต

ทั้งนี้เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมเกี่ยวพันกัน

            ในการทำงานที่ศูนย์รถพยาบาล มักมีการสอนให้บุคลากรที่ทำงานในรถพยาบาลทราบถึงการยกเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธี เช่น ต้องนั่งยอง ๆ ยกเปล เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้รู้วิธีป้องกันตนเองไม่ให้เกิดปวดหลังจนทำงานต่อไปไม่ได้

            พนักงานยกเคลื่อนย้ายในรถพยาบาลรายหนึ่ง ทำงานมาได้ 2 ปี ก็เกิดปวดหลังมาก จนแพทย์สั่งให้เปลี่ยนงาน ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนมานั่งทำงานเอกสารแทนซึ่งเขาเองก็ไม่ถนัดงานแบบนี้ รวมทั้งแพทย์หัวหน้าศูนย์รถก็ต้องไปฝึกสอนเพื่อสร้างพนักงานยกเคลื่อนย้ายรายใหม่มาทดแทน

            ดังนั้น ในศูนย์รถพยาบาลจึงมักมีการอบรมเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเอง การยกเคลื่อนย้ายที่ถูกวิธีให้แก่พนักงานประจำรถพยาบาลอยู่เสมอ

            มิฉะนั้น ในวันหนึ่งอาจเกิดความขาดแคลนกำลังคน จนกระทั่งแพทย์ต้องมายกเปลเองก็ได้

            มีการงานใดก็อย่านิ่งดูดาย…ธุระของเขาก็เหมือนธุระของเรา 

ถ้ามีอะไรช่วยเหลือหรือแก้ไขได้ก็ต้องรีบทำ เพราะในท้ายที่สุด สรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมเกี่ยวพันกัน…ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง