ไมเกรนต่อความเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบและเข้ารักษาซ้ำ

ไมเกรนต่อความเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบและเข้ารักษาซ้ำ

BMJ 2017;356:i6635.

บทความเรื่อง Migraine and Risk of Perioperative Ischemic Stroke and Hospital Readmission: Hospital Based Registry Study รายงานข้อมูลการศึกษาระยะยาวจากทะเบียนโรงพยาบาลซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างไมเกรนและความเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัด รวมถึงความเสี่ยงการรับเข้ารักษาซ้ำ โดยศึกษาจากโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital และวิทยาเขต 2 แห่งระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 ถึงสิงหาคม ค.ศ. 2014 รวมผู้ป่วยผ่าตัด 124,588 ราย (อายุเฉลี่ย 52.6 ปี และร้อยละ 54.5 เป็นผู้หญิง)

ผลลัพธ์หลักได้แก่ หลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัดซึ่งเกิดขึ้นภายใน 30 วันหลังการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีไมเกรนและอาการเตือน และกลุ่มที่ไม่มีไมเกรนและอาการเตือน ผลลัพธ์รองได้แก่ การรับเข้ารักษาซ้ำภายใน 30 วันหลังการผ่าตัด ผลลัพธ์เชิงสำรวจได้แก่ สโตรคหลังออกจากโรงพยาบาลและช่วงชั้นตำแหน่งของสโตรค  

ผู้ป่วย 10,179 ราย (ร้อยละ 8.2) ตรวจพบไมเกรนซึ่งในจำนวนนี้ 1,278 ราย (ร้อยละ 12.6) เป็นไมเกรนที่มีอาการเตือน และ 8,901 ราย (ร้อยละ 87.4) เป็นไมเกรนที่ไม่มีอาการเตือน หลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัดเกิดขึ้น 771 เหตุการณ์ (ร้อยละ 0.6) ภายใน 30 วันหลังผ่าตัด ผู้ป่วยไมเกรนมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อหลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัด (odds ratio ที่ปรับแล้วเท่ากับ 1.75, 95% CI 1.39-2.21) เทียบกับผู้ป่วยที่ไม่มีไมเกรน ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นในผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการเตือน (odds ratio ที่ปรับแล้วเท่ากับ 2.61, 1.59-4.29) เทียบกับผู้ป่วยไมเกรนที่ไม่มีอาการเตือน (1.62, 1.26-2.09) โดยมีค่าทำนาย absolute risk ของหลอดเลือดสมองตีบเท่ากับ 2.4 (2.1-2.8) เหตุการณ์ต่อผู้ป่วยผ่าตัดทุก 1,000 ราย โดยเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 (3.2-5.3) สำหรับทุก 1,000 รายที่ตรวจพบไมเกรน 3.9 (2.9-5.0) สำหรับไมเกรนที่ไม่มีอาการเตือน และ 6.3 (3.2-9.5) สำหรับไมเกรนที่มีอาการเตือน ผู้ป่วยไมเกรนยังมีอัตราที่สูงกว่าของการรับเข้ารักษาซ้ำภายใน 30 วันหลังจำหน่าย (odds ratio ที่ปรับแล้วเท่ากับำ 1.31, 1.22-1.41)

ผู้ป่วยผ่าตัดที่มีประวัติไมเกรนมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อภาวะหลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัดและมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการรับเข้ารักษาซ้ำใน 30 วัน การประเมินความเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบระหว่างผ่าตัดจึงควรรวมปัจจัยด้านไมเกรนด้วย