ลดน้ำหนักทำได้อย่างไร

ลดน้ำหนักทำได้อย่างไร

            เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562 ผมชั่งน้ำหนักตัว (มักจะชั่งทุกเช้าหลังจากเสร็จธุระจากการเข้าห้องน้ำ) พบว่าน้ำหนักตัวผมเหลือเพียง 77 กิโลกรัม !!?? ซึ่งดีมากสำหรับผม เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วน้ำหนักตัวผมสูงกว่า 80 กิโลกรัม และหลังจากพยายามลดอยู่นานก็ลดลงมาเป็น 80 กิโลกรัม และต่อมาเป็น 77 กิโลกรัม แต่ 3 เดือนหลังได้ขึ้นไปเป็น 80 กิโลกรัม ถ้าจะทำให้ดัชนีมวลกายผมอยู่ที่ 23 (ค่าปกติของดัชนีมวลกาย หรือ Body Mass Index; BMI ของคนไทยและเอเชียคือ 18.5-23 วิธีหา BMI คือ เอาน้ำหนักเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงยกกำลังสอง) และผมมีความสูงที่ 1.78 เมตร ผมจะต้องมีน้ำหนักตัวเพียง 72 กิโลกรัมเท่านั้น

         ผมคิดว่าถ้าผมมีน้ำหนักตัวเพียง 72.8 กิโลกรัม ผมจะผอมมากไป ผมจึงดีใจมากที่ช่วงนี้ผมมีน้ำหนัก 77 กิโลกรัม ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับผม แต่ก็ต้องยอมรับว่าพุงหรือรอบเอวมองดูยังใหญ่มาก พุงชายและหญิงควรไม่เกิน 90 และ 80 เซนติเมตร ตามลำดับ ของผมคงประมาณ 97 เซนติเมตร ฉะนั้นตามทฤษฎีผมยังลดน้ำหนักตัวลงได้อีกมาก แต่จะทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมจะพยายามค่อย ๆ ลดและดูพุงตัวเองไปด้วย

         อ้วนที่ไหนก็อ้วนได้ ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพ แต่อ้วนที่พุงนี่จะทำให้มีปัญหาต่อสุขภาพมาก จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไอกรน ฯลฯ ฉะนั้นจะต้องไม่อ้วนที่พุง อเมริกาฝรั่งตัวใหญ่ทั้งตัว คนไทยดูเผิน ๆ ไม่อ้วน แต่ทว่าคนไทยอ้วนที่พุง หรืออ้วนลงพุง จึงมีอันตรายกับสุขภาพดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว ถ้าเพียงพวกเรารับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม โดยทำให้ BMI อยู่ต่ำกว่า 23 และพุงชายหญิงต่ำกว่า 90 และ 80 เซนติเมตร ตามลำดับ จะเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด ตามที่ Hippocrates บิดาของวงการแพทย์ชาวกรีกกล่าวไว้หลายพันปีมาแล้ว

         เมื่อมีอายุสูงขึ้น คนเรามักจะอ้วนขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้เพราะอัตราการเผาผลาญของร่างกายจะลดลงตามอายุ หรือจะเปรียบเทียบกับรถก็จะพบว่าคนเรายิ่งแก่ยิ่งกินน้ำมันน้อย มีหลักคร่าว ๆ ว่า เมื่อเรามีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ถ้าเรารับประทานเท่าเดิม ออกกำลังกายเท่าเดิม น้ำหนักตัวเราจะเพิ่มปีละครึ่งกิโลกรัม นี่เป็นการเฉลี่ย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละคนด้วย บางคนรับประทานมากยังไม่อ้วน เพราะร่างกายเผาผลาญหมด บางคนรับประทานนิดเดียวยังอ้วนเพราะร่างกายเผาผลาญน้อย แต่โดยทั่ว ๆ ไปเมื่อสูงอายุจะยิ่งมีโอกาสอ้วนขึ้น บางคนอาจอ้วนเร็วตั้งแต่อายุ 30 ปี บางคนเริ่มอ้วนช้าตอนอายุ 50 ปี โดยทั่ว ๆ ไปถ้าช่วงเด็ก ๆ อ้วนจะยิ่งมีโอกาสอ้วนตอนเป็นผู้ใหญ่ด้วย

         ผู้ที่มีฐานะน้อยก็อ้วนได้ เพราะถ้ามีรายได้น้อยก็มักจะซื้ออาหารที่มีราคาถูกได้มากกว่าอาหารที่มีราคาแพง เช่น อาจรับประทานหนักไปทางข้าว ซึ่งจะทำให้อ้วนง่าย

         แล้วผมลดน้ำหนักลงได้อย่างไร โดยสรุปจะต้องมีความรู้ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีวินัยในการรับประทานอาหาร ผมโชคดีที่ไม่ชอบดื่มน้ำหวาน (แต่ยอมรับว่านาน ๆ ที โดยเฉพาะเวลาหิว ผมก็ชอบดื่มโค้กเหมือนกัน) ไม่ชอบขนมหวาน ไม่ชอบของหวาน สำหรับอาหาร ผมไม่ชอบอาหารที่มีรสหวานเลย บางทีผัดไทยสำหรับผมก็หวานมากไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เองผมจึงไม่ชอบรับประทานอาหารไทยที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อเมริกาเพราะหวานมาก ใส่น้ำตาลในทุกจาน ผมเคยทราบว่าบางร้านใส่น้ำตาลลงไปในไข่เจียวด้วย !!!

         แต่ผมชอบหวานอยู่ 2 อย่างคือ เวลารับประทานก๋วยเตี๋ยว ผมจะชอบต้มยำ คือใส่ทั้งเปรี้ยว เผ็ด หวาน และเวลาดื่มชา (แบบอังกฤษคือใส่นม น้ำตาล) กาแฟ ผมเคยใส่น้ำตาล 2 ช้อนชากับถ้วยที่เป็นถ้วยใหญ่พอสมควร แต่เดี๋ยวนี้ใส่น้ำตาลเพียงครึ่งช้อนชา หรือครึ่งซองที่มีมาให้ ฉะนั้นยังเหลือเพียงก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่ยังหวานหน่อย

         และผมโชคดีที่ไม่ชอบหนังเป็ด หนังไก่ธรรมดา แต่ชอบหนังหมูหันและเป็ดปักกิ่ง ที่ว่าโชคดีเพราะหนังเป็ด หนังไก่ธรรมดา เราซื้อหาง่าย เช่น เป็ดย่าง ผมจะเอาหนังออก โชคดีที่ผมชอบหนังหมูหันและเป็ดปักกิ่ง ที่ว่าโชคดีเพราะต้องไปที่เหลาหรือภัตตาคาร ซึ่งเราก็ไปไม่บ่อย ไปทีก็มีคนมาก โดยสรุปก็คือ ได้รับประทานครั้งละ 1-2 ชิ้นเป็นอย่างมากเท่านั้น แต่บางครั้งไปรับประทานหมูหันกับเพื่อนรวมแล้ว 8 คน ก็หลายชิ้นเหมือนกัน วิธีการรับประทานของมัน ๆ เช่น หนังสัตว์ มันสัตว์ คือ รับประทานผักตามเข้าไปด้วยมาก ๆ เช่น ต้นหอม ผักกาดหอม ฯลฯ เพราะผักจะช่วยลดการดูดซึมของมันสัตว์ได้บ้าง และเราก็ไม่ได้ไปรับประทานทุกวันอยู่แล้ว ถ้าชอบอะไรก็รับประทานบ้าง เดินสายกลาง ไม่ใช่ไม่รับประทาน แต่เครียด ความเครียดก็ฆ่าคนได้เหมือนกัน