หัวใจ…คนโสด

หัวใจคนโสด

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน   คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

สมัยเมื่อฉันเป็นนักศึกษาแพทย์นั้น ภายหลังการหักโหมอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อให้ผ่านการสอบที่มีบ่อย ๆ เกือบทุกสัปดาห์ ก็ทำให้เกิดเบื่อหน่ายจนไม่อาจรอให้เพื่อนว่างเพื่อไปดูภาพยนตร์ด้วยกันได้ ทำให้หลายครั้งฉันต้องไปนั่งดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ตามลำพัง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเครียดมากจึงรีบผลุนผลันไปดูหนังรักโรแมนติคเรื่องหนึ่ง จำได้ว่าชื่อเรื่อง "โรมรำลึก"

ทันทีที่ไปถึงห้องขายตั๋ว จึงพบว่าวันนั้นเป็นการฉายภาพยนตร์สำหรับรอบคู่รัก

“วันนี้เป็นรอบคู่รัก ถ้าคุณซื้อตั๋ว 1 ใบก็จะได้แถม 1 ใบไปเลยครับ" พนักงานแจ้งข่าวดีให้ทราบ

ฉันยืนอึ้งไปสักพักเพราะคิดว่าอยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวลานี้จริง ๆ ถ้ารอตามเพื่อนมาดูด้วยก็คงไม่ทันใจ ดังนั้น จึงตอบพนักงานคนนั้นกลับไปว่า “อ๋อ ซื้อใบเดียวค่ะ”

“เอ แต่มันซื้อ 1 แถม 1 นะครับ” พนักงานยังคงพยายามทักท้วงด้วยความหวังดี

ฉันเริ่มคิดในใจว่า...เอ! หรือเราจะซื้อ 1 แถม 1 ดีล่ะ แล้วค่อยเอาไปแจกคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น

แต่คิดอีกที ฉันเองก็ไม่ชอบยุ่งยากและอยากให้เป็นวันพักสบาย ๆ 

หลังจากยืนคิดอยู่ครู่ใหญ่ ฉันก็ตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ขอตั๋วแค่ใบเดียวก็พอค่ะ”

พนักงานขายตั๋วทำหน้างง ๆ แต่ยอมปฏิบัติตามโดยดี

หลังจากฉันได้รับตั๋วเพียงใบเดียวแล้ว ก็เดินเข้าไปนั่งดูภาพยนตร์ตามลำพัง ต่อมาก็เริ่มมีผู้ชมทยอยเดินเข้ามากันเป็นคู่ ๆ จนในที่สุดฉันก็ถูกล้อมด้วยบรรดาคู่รักทั้งหลายที่ต่างชวนกันมาดูภาพยนตร์ในรอบนั้น

ฉันต้องตั้งสมาธิในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก พร้อมกับรีบลุกขึ้นเดินจากไปอย่างอาย ๆ ในทันทีที่ภาพยนตร์ถูกฉายจนจบ

ช่วงนี้กรุงเทพฯ มีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกัน ในบทบาทของแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินก็ต้องไปทำการดูแลรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุชุมนุมครั้งนี้ รวมทั้งต้องไปกับรถพยาบาลรับส่งผู้บาดเจ็บจากจุดเกิดเหตุเพื่อนำส่งมารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งมีการผลัดขึ้นเวรกันหลายรอบมากเพื่อรองรับสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ยังหาคนมาผลัดเปลี่ยนขึ้นเวรได้ไม่เพียงพอ ทั้งนี้เพราะเป็นสถานการณ์ชุมนุมที่ยาวนาน รวมทั้งแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินยังต้องทำงานในห้องฉุกเฉินเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มาใช้บริการในห้องฉุกเฉินตามปกติอีกด้วย

“เอ้อ ช่วงนี้ห้องฉุกเฉินต้องการกำลังคนมาขึ้นเวรเยอะขึ้น ใครจะมาขึ้นเวรเสริมเพิ่มเพื่อไปทำการดูแลผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุชุมนุมนอกโรงพยาบาลกันได้บ้าง” หัวหน้าห้องฉุกเฉินถามขึ้นในวันหนึ่ง

หลังจากทีมแพทย์นั่งคิดตัดสินใจกันสักครู่หนึ่ง ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า

“หนูมาอยู่เวรเสริมได้ในเย็นวันจันทร์และพฤหัสบดีค่ะ”

แต่หัวหน้าห้องฉุกเฉินก็ทักท้วงกลับมาว่า “เอ แต่คุณมีครอบครัวแล้วนี่นา เอาเป็นคนโสดมาอยู่เวรดีกว่าครับ ส่วนคนที่มีครอบครัวแล้วก็ให้รอเป็นคิวหลัง ๆ ดีกว่า เพราะมันอันตรายที่จะไปทำงานในจุดเกิดเหตุจลาจล”

เอ๊ะ! คนโสดก็กลัวตายและกลัวเจ็บเหมือนกันนะ… ฉันได้แต่คิดในใจไปในขณะที่ยกมือเสนอตัวไปทำงานเวรเสริมเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุ… ก็เพราะฉันเป็นคนโสดนี่นา!

ในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบด้วยเหตุชุมนุมประท้วงเช่นนี้ ก็ทำให้เรารู้สึกเครียดไปด้วยเป็นอย่างมาก หลายครั้งเราระบายความเครียดด้วยการกินซึ่งก็ทำให้น้ำหนักตัวช่วงนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

วันหนึ่งฉันก็คิดจะไปดูภาพยนตร์เพื่อผ่อนคลาย

ทันทีที่จ่ายเงินที่ห้องขายตั๋วภาพยนตร์แล้ว พนักงานก็บอกให้ฉันเลือกที่นั่งในโรงภาพยนตร์

ฉันดูผังที่นั่งแล้วจึงเลือกที่นั่งซึ่งอยู่ตำแหน่งกลางห้อง นั่นคือเบอร์ 12

แต่พนักงานขายตั๋วแจ้งว่า

“ไม่ได้ครับ เพราะที่นั่งของแถวเริ่มด้วยเบอร์ 11 ซึ่งคนมักมาดูหนังเป็นคู่ ดังนั้น ต้องเหลือที่นั่งเบอร์ 11 ให้คู่กับเบอร์ 12 ดังนั้น คุณนั่งเบอร์ 13 แทนดีไหมครับ”

“แต่เบอร์ 13 มันไม่ดีนะคะ มันเป็นเบอร์โชคไม่ดีตามธรรมเนียมฝรั่ง” ฉันท้วงกลับไปพร้อมกับบอกว่า “ถ้ายังงั้นเอาที่นั่งเบอร์ 16 ก็ได้ค่ะ”

ทำไมต้องตั้งเงื่อนไขกับคนโสดเยอะจัง ทั้งที่รอบนั้นในที่สุดก็มีคนดูน้อยจนแม้ที่นั่งของแถวนั้นทั้งแถวก็มีเพียงฉันนั่งดูอยู่คนเดียว

แต่บางครั้งความโสดก็อาจเป็นประโยชน์ได้ เช่น คราวหนึ่งมีผู้ป่วยหญิงโรคจิตคนหนึ่งมาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการเอะอะโวยวาย

“ฉันสบายดี พามาโรงพยาบาลทำไม” ผู้ป่วยมองด้วยตาขวาง ๆ หาเรื่องและพูดเอะอะโวยวายด้วยเสียงดังพร้อมกับสะบัดตัวไปมาไม่ให้คนเข้าใกล้

“ฉันเป็นหมอมาตรวจนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ และไม่สามารถเข้าใกล้ตัวผู้ป่วยรายนี้ได้เลย

“เอ๊ะ ก็ฉันบอกแล้วว่าสบายดี ๆ แล้วหมอจะมาตรวจอะไร” เธอพูดไปพร้อมกับมองฉันด้วยตาขวาง ๆ ราวกับโกรธกันมาหลายชาติ

“แต่ญาติบอกว่าช่วงนี้คุณนอนไม่หลับและเดินตลอดทั้งคืนเลย คุณเห็นหรือได้ยินเสียงภาพหลอนไหมคะ” ฉันยังพยายามซักประวัติเพิ่มเติมต่อไป แม้ว่าจะเข้าใกล้เธอไม่ได้เลยก็ตาม

“เซ้าซี้จังเลย” เธอหันมาตะคอกเสียงดังใส่ฉัน จนฉันตกใจและก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

ทันใดนั้นเธอก็หยุดแล้วหันมามองฉันอย่างพิจารณา “ เอ…หมอมีผัวหรือยัง”

ฉันสะดุดใจแต่ก็ตอบกลับไปโดยดีว่า “หมอยังไม่มีแฟนค่ะ”

ผู้ป่วยรายนี้เริ่มมองมาด้วยสายตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นอกเห็นใจพร้อมกับพูดว่า “น่าสงสารเนอะที่ยังไม่มีผัว หน้าตาไม่ดีก็แบบนี้แหละ ไม่ต้องเสียใจนะ มาเข้ามาใกล้ ๆ สิ”

ฉันยิ้มแหย ๆ และเริ่มเดินเข้าไปใกล้ตัวผู้ป่วยมากขึ้น พร้อมกับเริ่มทำการตรวจร่างกายของเธออย่างละเอียด โดยเธอเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

หลังจากทำการตรวจร่างกายเสร็จ ฉันก็แนะนำว่า “คุณควรนอนพักดูอาการในโรงพยาบาลนะคะ”

“อ๋อได้สิ” เธอตอบรับด้วยความเต็มใจ

ก่อนออกไปจากห้องฉุกเฉิน เธอยังหันมาพูดกับฉันอย่างห่วงใยว่า “หมอก็อย่าทำงานหนักมากนักสิ เดี๋ยวหาผัวไม่ได้นะ”

ฉันยิ้มพร้อมกับเถียงในใจว่า...เป็นโสดก็มีความสุขนะคะ