ฉลาดตอบ

ฉลาดตอบ

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน

เมื่อฉันมาทำงานเป็นอาจารย์แพทย์ก็มักคลุกคลีกับนักศึกษาแพทย์อยู่บ่อยครั้ง

คนในวัย 18-24 ปีในสาขาวิชาชีพอื่นอาจดูโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับนักศึกษาแพทย์มักดูเป็นเด็กอยู่เสมอ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะระบบการศึกษาในประเทศไทยนั้นให้นักเรียนมัธยมปลายสอบเอนทรานซ์เข้ามาเรียนแพทยศาสตร์ แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะเริ่มเรียนอย่างหนักในตำรับตำราโดยไม่ได้ใช้ชีวิตด้านอื่นอีกเลยก็ได้ ทำให้นักศึกษาแพทย์ยังคงลักษณะของเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ยังไม่โตสักที

นี่ย่อมแตกต่างจากในต่างประเทศที่นิยมว่า เมื่อเด็กจบมัธยมปลายแล้วควรออกไปเผชิญโลกภายนอก เช่นไปทำงาน หรือท่องเที่ยวไปพบผู้คนหลากหลาย อันทำให้เกิดการเรียนรู้และเติบโตในชีวิตด้านอื่น ๆ ก่อน เพื่อให้ทราบว่าตนเองต้องการทำงานในอาชีพใด แล้วจึงค่อยมาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย

ดังนั้น ในต่างประเทศพบว่าหลายคนกลับมาเรียนด้านแพทยศาสตร์ก็เมื่ออายุมากแล้ว บ้างก็แต่งงานมีลูกแล้วก็มี ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นมักมีพัฒนาการที่โตเป็นผู้ใหญ่ และมุ่งมั่นจริงจังในการศึกษาเรียนรู้เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปประกอบวิชาชีพได้

ทั้งนี้ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน จึงทำให้นักศึกษาแพทย์ไทยดูเด็กอยู่เสมอ หลายครั้งก็แต่งตัวตามสบาย สวมรองเท้าแตะมาทำงาน หรือนั่งกินขนมไปพร้อมกับซักประวัติของผู้ป่วยไปพลาง จนทำให้อาจารย์แพทย์ต้องว่ากล่าวตักเตือนกันอยู่หลายครั้งหลายครา เพื่อให้ตระหนักว่าภาพลักษณ์ของหมอควรดูน่าเชื่อถือเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความศรัทธา

 

อย่างไรก็ดี คำตอบของเด็ก...ก็ฉลาดและน่าสนใจ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้ป่วยมะเร็งตับและมีน้ำในช่องท้องปริมาณมากมาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการท้องโตแน่น เกือบทุกครั้งก็ต้องได้รับการเจาะเอาน้ำออกบ้างเพื่อไม่ให้แน่นท้องมากเกินไป ยิ่งผู้ป่วยมารับการเจาะท้องเอาน้ำออกบ่อย ๆ และถี่ขึ้นที่ห้องฉุกเฉินอันเกิดจากตัวโรคที่ลุกลามและแย่ลงเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้บุคลากรเกิดความเคยชินกับผู้ป่วยรายนี้ และเริ่มมองว่าไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนอีกต่อไป

ดังนั้น หลายต่อหลายครั้งจึงเริ่มปล่อยให้ผู้ป่วยรายนี้รอคอยการเจาะท้องนานขึ้น...นานขึ้นเรื่อย ๆ

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ผู้ป่วยรายนี้รอคอยให้แพทย์มาเจาะท้องอยู่เป็นเวลานาน ก็มีพยาบาลท่านหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยปลอบโยนผู้ป่วยอย่างนุ่มนวลและเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ป่วยรายนี้เป็นอย่างมาก

ภายหลังที่แพทย์ได้เจาะท้องเอาน้ำออกให้แก่ผู้ป่วยเสร็จแล้ว ก่อนออกจากห้องฉุกเฉินในวันนั้น ผู้ป่วยเฝ้าแต่ร่ำลาพยาบาลท่านนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างไม่รู้ลืม

หลังจากนั้นทุกครั้งที่ผู้ป่วยรายนี้มายังห้องฉุกเฉินก็จะถามหาแต่พยาบาลรายนี้อยู่ร่ำไป

ฉันเกิดคำถามในใจว่า “ระหว่างแพทย์ที่เจาะท้องกับพยาบาลผู้ปลอบโยน คนไหนสำคัญต่อผู้ป่วยมากกว่ากัน”

จนนำไปสู่การซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มนักศึกษาแพทย์ ซึ่งต่างก็ให้ความคิดเห็นไปต่าง ๆนานา แต่มีนักศึกษาแพทย์รายหนึ่งตอบได้อย่างน่าสนใจมากว่า

ใคร ๆ ก็เจาะท้องได้...แต่มีอยู่ใม่กี่คนที่จะคิดถึงใจของผู้ป่วยและมาปลอบโยนให้ผู้ป่วยคลายกังวล”

วันหนึ่งฉันได้อ่านหนังสือ “70 นาทีก่อนสึนามิเข้า” ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้คนที่รอดชีวิตจากภัยสึนามิที่ญี่ปุ่น

มีเรื่องของชายชราคนหนึ่งซึ่งรอดชีวิตจากสึนามิที่ญี่ปุ่นได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนได้ข่าวว่าสึนามิจะเข้าในหมู่บ้านนั้น เขาและภรรยามีเพื่อนบ้านเป็นหญิงชราอยู่คนหนึ่งซึ่งอยู่ตามลำพังโดยไม่ยอมคบหากับใครเลย ช่วงเวลาก่อนสึนามิจะเข้าหมู่บ้านนั้น ทางการได้ประกาศให้ทุกคนเตรียมหนีออกจากหมู่บ้านแห่งนั้น

เขาและภรรยาเกิดห่วงว่าหญิงชรารายนี้คงจะไม่ทราบข่าวและอาจจะหนีสึนามิไม่ทัน เขาและภรรยาจึงได้รีบตรงไปที่บ้านของหญิงชรารายนี้

หลังจากพูดจาชักชวนอยู่นาน หญิงชรารายนี้ก็ยืนกรานที่จะอยู่ในบ้านและไม่ยอมหนีไปไหน อย่างไรก็ดี ชายชราและภรรยาก็ไม่ย่อท้อยังคงเฝ้าพยายามพูดเกลี้ยกล่อมและให้เหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อให้หญิงชราหนีไปด้วยกัน...จนในที่สุดหญิงชราก็ตัดสินใจหนีสึนามิไปพร้อมกัน

แต่ช่างน่าเสียดายที่ชายชราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หนีรอดชีวิตมาได้ ทั้งภรรยาของเขาและหญิงชราหนีไม่ทัน และต้องสูญเสียชีวิตไปในสึนามิที่เข้าถล่มญี่ปุ่นในครั้งนั้น

ผู้สัมภาษณ์ถามว่า “คุณตาไม่รู้สึกเสียใจหรือคะ...ที่ถ้าไม่เสียเวลากล่อมหญิงชรารายนั้นแล้ว ทั้งคุณตาและภรรยาก็อาจหนีรอดสึนามิไปพร้อมกัน”

ชายชราตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดเลยว่า “ไม่หรอกครับ ถ้าตาและยายไม่ได้ไปช่วยเหลือหญิงชรารายนี้ให้หนีไปด้วยกัน ก็คงทำให้พวกเรานอนตาไม่หลับไปเลยตลอดชีวิต”

ทำดีเพื่อดี…ยังมีอยู่จริงในโลก

ฉันถ่ายทอดเรื่องราวนี้ไปสู่นักศึกษาแพทย์เพื่อหวังสอนให้รู้จักการทำความดี...เพื่อ…ความดี

คำตอบจากนักศึกษาแพทย์...น่าสนใจมาก

นักศึกษาแพทย์ตอบว่า “อาจารย์ครับ เรื่องราวน่าสนใจมากครับ แต่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ครับ”

ฉันยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ความดี...ความรักมักตรวจวัดและจับต้องไม่ได้ เรื่องราวดี ๆ ของคนหนึ่งอาจจริงหรือไม่ แต่ก็สร้างแรงบันดาลใจได้และไม่ได้ทำร้ายอะไรแก่โลกใบนี้ คงไม่ต้องลงแรงสืบค้นมั้งว่าจริงหรือไม่”

มาดูคำตอบในการทำแบบฝึกหัดของนักเรียนประถมรายหนึ่ง...ทั้งน่ารักและฉลาด...สมควรได้คะแนนเต็มสิบ