หมึกสักนาโนกับประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวาน

หมึกสักนาโนกับประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวาน

การสักผิวหนังเป็นหนึ่งในแฟชั่นเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในขณะนี้ หัวหน้าเผ่ายอร์มีรอยสักอยู่เต็มตัวไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้า แม้กระทั่งฟาโรห์ของอียิปต์ก็ยังชอบการสัก และมันก็ไม่ใช่แฟชั่นที่เลือนหายไป ในหลาย ๆ พื้นที่ของโลกรอยสักเหล่านี้มีคุณค่าและวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ในเรื่องของศาสนา สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ เรื่องทางเพศ และเครื่องหมายป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้าย และอีกหลากความหมาย(1) การสักเป็นสิ่งที่มีมาแต่ครั้งโบราณโดยถือได้ว่ามีจุดเริ่มต้นจากกรีก การสักในสมัยกรีกโบราณนั้นเป็นการทำสัญลักษณ์เฉพาะใบหน้าของทาสและอาชญากร ต่อมาการสักเริ่มเข้ามาแพร่หลายในทวีปยุโรป ในปัจจุบันการสักได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายหลายอย่าง เช่น สักเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของศาสนา สักเพื่อแสดงความรู้สึก สักเพื่อแฟชั่น หรือแม้แต่การสักเพื่อบ่งบอกถึงกลุ่มคนที่ไม่ดีก็ยังคงมีอยู่(2) การสักยังคงเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน จากรายงานของ Pew Research เมื่อปี ค.ศ. 2010 ชาวอเมริกันอายุ 18-29 ปี อย่างน้อย 40% ของคนทั้งหมดจะมีรอยสักอย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งรอยสักนั้นอาจจะเป็นรอยสักถาวรหรือชั่วคราวก็ได้ แล้วอะไรที่ทำให้หมึกสามารถติดทนนานอยู่บนร่างกาย(1)

ปัจจุบันการสักได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับวิทยาการนาโนทางการแพทย์ โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Heather Clark จากห้องวิจัย Draper แมสซาชูเซส ได้พัฒนารอยสักพิเศษจากหมึกนาโนที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อระดับนํ้าตาลกลูโคสในเลือดเปลี่ยนแปลง จุดประสงค์เพื่อใช้ช่วยตรวจสอบระดับนํ้าตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานแทนการทดสอบแบบเดิม ๆ ที่เจ็บปวด และบางรายที่ต้องทำการตรวจหลายครั้งในแต่ละวัน โดยรอยสักที่ว่านี้มีขนาดเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตรและไม่จำเป็นต้องสักลึกเหมือนกับรอยสักโดยทั่วไป(2,3)

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่