ภญ.ยุพา วิภาสวัชรโยธิน

ภญ.ยุพา วิภาสวัชรโยธิน 

หัวใจสำคัญของการเป็นเภสัชกรโรงพยาบาลคือ ต้องทำงานด้วยใจ

            จากความเป็นผู้สนใจใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ แม้กระทั่งระหว่างทำงาน ภญ.ยุพา วิภาสวัชรโยธิน เภสัชกรเชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร ได้ขวนขวายหาโอกาสศึกษาต่อในด้านการบริหารเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับงานบริหารในฐานะของหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม เพื่อรองรับการขยายงานบริการและศักยภาพการรักษาของแพทย์ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัด โดยเฉพาะจำนวนเภสัชกรที่มีอยู่น้อยเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน

            ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ ภญ.ยุพา เป็นแบบอย่างที่ดีของหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมที่บริหารงานอย่างมีคุณธรรม กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อความร่วมมือในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เภสัชกรประกอบวิชาชีพอย่างมีศักดิ์ศรี เป็นทีมนำสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาล จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงของบุคลากรโรงพยาบาลและประชาชนในจังหวัดชุมพร สมควรแก่รางวัล “เภสัชกรดีเด่น พ.ศ. 2559 ด้านบริหารจัดการงานเภสัชกรรม จากสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)

            ภญ.ยุพา วิภาสวัชรโยธิน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2524 แล้วกลับภูมิลำเนาไปรับราชการในตำแหน่งเภสัชกร 3 ที่โรงพยาบาลชุมพร โดยได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมในปี พ.ศ. 2534 หลังจากนั้นได้มีโอกาสศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาพัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต เกียรตินิยมดีมาก จากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ในปี พ.ศ. 2537 แล้วโอนย้ายไปรับราชการเป็นอาจารย์ 8 คณะรัฐประศาสนศาสตร์ NIDA ในปี พ.ศ. 2539 อยู่ 1 ปี ก่อนจะตัดสินใจโอนย้ายกลับมารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลชุมพรอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเภสัชกรเชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร

            สำหรับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของงานทั้งหมดในปัจจุบัน ภญ.ยุพา กล่าวว่า นอกจากการเป็นหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมแล้ว ยังเป็นกรรมการบริหารโรงพยาบาล เป็นเลขานุการคณะกรรมการยา เป็นประธานคณะกรรมการสหวิชาชีพความปลอดภัยด้านยา ซึ่งรับผิดชอบงานบริหารเภสัชกรรมของโรงพยาบาลทั้งระบบ เป็นที่ทราบกันดีว่าค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องสูญเสียมากที่สุดในการรักษาสุขภาพของคนไทยคือ ค่ายา เภสัชกรเป็นผู้บริหารจัดการระบบยาภายใต้นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่การจัดหา คัดเลือกให้ได้ยาดี มีคุณภาพ เพียงพอ พร้อมใช้ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้ จัดให้มีระบบบริการจ่ายยา การผลิตยา เตรียมยาพิเศษเฉพาะรายให้แก่ผู้ป่วย จัดให้มีระบบบริบาลเภสัชกรรมคือ ให้มีเภสัชกรดูแลการใช้ยา ให้คำแนะนำแบบใกล้ชิดสำหรับผู้ป่วยประจำทุกคลินิกโรค เพื่อร่วมกับแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยด้วยการใช้ยาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ คลินิกผู้ป่วยใช้ยาวาร์ฟาริน คลินิกโรคหอบ คลินิกจิตเวช คลินิกเบาหวาน ความดัน คลินิกไต คลินิกวัณโรค คลินิกเอดส์ รวมถึงดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมี จัดให้มีระบบดูแลการใช้ยาบนหอผู้ป่วยในเรื่องการใช้ยา การแพ้ยา จัดให้มีข้อมูลยาพร้อมช่องทางสื่อสารเพื่อตอบปัญหาเรื่องยาให้แก่แพทย์ พยาบาล ให้การใช้ยาเป็นไปอย่างเหมาะสม ถูกต้อง ปลอดภัย ซึ่งการที่จะจัดการงานเหล่านี้ได้นั้น หัวหน้าต้องรับผิดชอบในการวางแผนการบริหารทั้งงาน เงิน คน ของ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย และต้องทันต่อการขยายตัวของโรงพยาบาลด้านศักยภาพในการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา และผู้ป่วยที่มีจำนวนมากด้วย

            ทั้งนี้ สาเหตุที่ ภญ.ยุพา สนใจเลือกเป็นเภสัชกรในโรงพยาบาลสังกัดภูมิภาค หรือต่างจังหวัด เนื่องจากเหตุผลว่า ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาได้เลือกเรียนวิชาเภสัชกรรมโรงพยาบาล (Hospital pharmacy) และช่วงฝึกงานมีความประทับใจในการฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาล อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ กับรุ่นพี่ ๆ ที่เริ่มไปบุกเบิกงานในชนบทห่างไกล จึงตั้งใจกลับมาสมัครงานที่บ้านเกิดคือ โรงพยาบาลชุมพร ทันที่ที่เรียนจบ โดยสมัยนั้นมีพี่เภสัชกรเพียงคนเดียวทั้งโรงพยาบาล จึงเป็นเภสัชกรคนที่ 2 ของโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นมา (ซึ่งปัจจุบันมีเภสัชกร 29 คน) ด้วยมีเภสัชกรน้อยและเป็นน้องใหม่สมัยนั้น ทำให้ได้มีโอกาสทำงานทุกอย่างของงานเภสัชกรรม ทั้งงานบริการจ่ายยา งานผลิตยา และเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งแผนกผลิตยาปราศจากเชื้อ (ผลิตน้ำเกลือ) ของโรงพยาบาลชุมพร

            นอกจากนี้เหตุผลในการเลือกเรียนเพิ่มเติมทางด้านการบริหารนอกเหนือจากงานด้านเภสัชศาสตร์ เพราะว่าการเรียนทางด้านเภสัชศาสตร์เป็นความรู้ทางวิชาการในการประกอบวิชาชีพทางคลินิก แต่ในการทำงานจริง ๆ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม จะต้องเก่งทั้งงานและเก่งทั้งคน ต้องประสานงานทั้งภายในและภายนอก ต้องใช้ทักษะในการสื่อสาร การเจรจาต่อรองกับสหวิชาชีพหลายสาขา อาทิ แพทย์ พยาบาล เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย จึงเห็นปัญหาในการจัดการ ทำให้สนใจที่จะศึกษาศาสตร์ทางการบริหารเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากการนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน โดยใช้หลักการบริหารให้สามารถสร้างงานเภสัชกรรมในด้านต่าง ๆ ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัด

            “เภสัชกรเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านยาดีที่สุด แต่การนำเอาความรู้ไปใช้กับผู้ป่วยต้องประสานกับแพทย์ พยาบาล เพื่อสร้างระบบการดูแลการใช้ยาของผู้ป่วยแบบองค์รวม เป็นสหวิชาชีพ โดยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในระบบยานั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ในฐานะของหัวหน้า ได้นำเอาศาสตร์ทางการบริหารที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้ ตั้งแต่กระบวนการคิด วางแผนงาน วางแผนคน จัดโครงสร้างองค์กร มีวิสัยทัศน์มองกว้างขึ้น ครอบคลุมทุกมิติอย่างเป็นระบบ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก สามารถสร้างการบริหารแบบมีส่วนร่วม (Participation management) การรู้จักใช้ภาวะผู้นำในการทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้เต็มศักยภาพและมีความสุขในการทำงาน ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม ใช้การประชุม ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจร่วมกันอย่างมีเหตุผล เป็นแบบอย่างในการสร้างและสั่งสมวัฒนธรรมองค์กรให้กลุ่มงานเภสัชกรรม โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ความโปร่งใส ยึดถือคุณภาพคู่คุณธรรม มีน้ำใจ รับฟังความคิดเห็น ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจให้ลูกน้องทุกระดับ มีการจัดการความขัดแย้ง ลดช่องว่างระหว่าง generation สร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค มีปัญหาต้องแก้ไข คิดหาวิธีการใหม่ สนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยี มีการจัดการให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เตรียมความพร้อมของเภสัชกรในการอบรมเพิ่มพูนทักษะเฉพาะด้านให้ทันต่อการขยายศักยภาพด้านการรักษาของแพทย์ เพื่อทำงานร่วมกับแพทย์ในการดูแลการใช้ยาแก่ผู้ป่วยเฉพาะโรคได้ จึงทำให้สามารถสร้างงานเภสัชกรรมด้านต่าง ๆ ภายใต้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดได้”

            ภญ.ยุพา ยังกล่าวถึงหัวใจสำคัญของการเป็นเภสัชกรในโรงพยาบาลให้ฟังว่า เป็นที่ประจักษ์ว่าโรงพยาบาลของรัฐต้องดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งจังหวัด ดังนั้น หัวใจสำคัญของการเป็นเภสัชกรโรงพยาบาลคือ ต้องทำงานด้วยใจ โดยเฉพาะงานที่รับผิดชอบต่อชีวิตของผู้ป่วย ต้องมีความละเอียด รอบคอบ ต้องมีความอดทน ความรับผิดชอบสูง หมั่นเรียนรู้ ติดตามความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งเรื่องยาและโรค เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย เราต้องจัดบริการระบบยาโดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้ป่วยได้ใช้ยาดี มีคุณภาพเพียงพอ พร้อมใช้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้คำแนะนำการใช้ยาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย โดยพี่ยึดคติในการทำงานว่า ซื่อสัตย์ โปร่งใส กล้านำ ทำจริง ใจถึง พึ่งได้ ให้คุณค่าทีมงาน และคุณภาพคู่คุณธรรม

            ท้ายที่สุดนี้ ภญ.ยุพา ได้กล่าวถึงความภูมิใจในการทำงานในวิชาชีพเภสัชกรรมว่า มีความภาคภูมิใจที่สามารถเป็นที่พึ่งให้แก่บุคลากรทุกวิชาชีพ และสามารถสร้างความร่วมมือในการทำงาน การได้ร่วมงานกับน้อง ๆ เภสัชกรในการพัฒนาระบบยาของโรงพยาบาลให้มีมาตรฐานตามวิชาชีพเภสัชกรรม ผ่านการประเมินโดยสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) และผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพโรงพยาบาลในเรื่องระบบยา โดยสถาบันรับรองคุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาล (HA) และที่ภูมิใจที่สุดคือ ได้เข้า “รับประทานรางวัล เภสัชกรดีเด่นด้านการบริหารจัดการงานเภสัชกรรม ของสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ปี พ.ศ. 2559 จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ”