ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับการตรวจหาและรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับการตรวจหาและรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

            Reuters Health Information: แนวทางเวชปฏิบัติ Kidney Disease: Improving Global Outcomes (KDIGO) ฉบับปรับปรุงปี ค.ศ. 2018 เผยแพร่คำแนะนำใหม่ว่า ผู้ป่วยโรคไตทุกรายควรได้รับการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus, HCV) และพิจารณาให้การรักษาด้วยยาในกลุ่ม direct-acting antiviral (DAA) หากพบมีการติดเชื้อ

            Dr.Craig E Gordon จาก Tufts Medical Center ใน Boston และคณะ ร่วมกันจัดทำสรุปและปรับปรุงคำแนะนำใหม่ในแนวทางเวชปฏิบัติ KDIGO guidelines ในปี ค.ศ. 2018 เผยแพร่ลงในวารสาร Annals of Internal Medicine เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมานี้ โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาการติดเชื้อ HCV ที่ได้รับการปรับปรุงนี้เปลี่ยนแปลงจากคำแนะนำเดิมในปี ค.ศ. 2008 เนื่องจากมีการพัฒนายาใหม่ ๆ ในกลุ่ม DAA สำหรับใช้ในการรักษาโรคนี้ ซึ่งมีผลทำให้แนวทางในการรักษาผู้ป่วยเปลี่ยนไปมาก

            สาเหตุที่ควรทำการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการติดเชื้อ HCV ในผู้ป่วยโรคไตทุกรายนั้นมาจากข้อมูลการศึกษาที่พบว่าผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีความชุกของการติดเชื้อ HCV สูง ซึ่งการติดเชื้อนี้อาจมีผลทำให้การดำเนินโรคไปสู่โรคไตเรื้อรังและโรคไตระยะสุดท้ายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ในผู้ที่บริจาคไตก็ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อชนิดนี้ด้วย โดยหากพบว่ามีการติดเชื้ออาจพิจารณาทำการผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาคที่ติดเชื้อไปยังผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ และพิจารณาให้การรักษาการติดเชื้อต่อไป

            ในส่วนของยาที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อนั้น ควรเป็นยาในกลุ่ม DAA เป็นพื้นฐาน และควรปรับสูตรยาที่เหมาะสมตามปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ชนิดของ genotype ของเชื้อ HCV ที่พบปริมาณเชื้อ ประวัติการได้รับการรักษาก่อนหน้า ยาอื่นที่ใช้ร่วมกัน ระดับการทำงานของไต ระดับความรุนแรงของโรคในตับ และโรคร่วมอื่่น ๆ