วงการแพทย์แถลงการณ์แสดงจุดยืนค้านการโฆษณาเรื่องการตรวจพันธุกรรม “เท็จหรือแท้: โฆษณาการตรวจยีน”

             วงการแพทย์แถลงการณ์แสดงจุดยืนค้านการโฆษณาเรื่องการตรวจพันธุกรรม “เท็จหรือแท้: โฆษณาการตรวจยีน”

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ แถลงการณ์จุดยืนร่วมกันเรื่อง “เท็จหรือแท้: โฆษณาการตรวจยีน” ค้านการโฆษณาเรื่องการตรวจพันธุกรรมที่ดูเหมือนกับว่าจะทำได้อย่างกว้างขวางจนสามารถตรวจหาศักยภาพหรือสมรรถภาพของเด็กได้แต่เริ่มแรก หรือใช้คัดเลือกอาหารที่เหมาะสมกับร่างกาย หรือสมรรถนะทางกีฬาและการออกกำลังกายที่เหมาะสม ตลอดไปจนการตรวจความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ มากมาย ซึ่งพบว่าการตรวจที่โฆษณากันมากมายเหล่านี้ไม่มีหลักฐานรองรับทางวิทยาศาสตร์

ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันมีการเสนอการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อทำนายความเสี่ยงในการเกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพ ตลอดจนวิถีชีวิตและสุขภาพ โดยอ้างหลักการการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลเพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ลักษณะของโรคหรือวิถีชีวิตและศักยภาพดังกล่าวเป็นลักษณะที่ซับซ้อน ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยลักษณะทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตอื่น ๆ ทำให้การใช้ประโยชน์จากการตรวจในลักษณะนี้ไม่มีประสิทธิภาพที่แท้จริง แตกต่างไปจากการตรวจโรคพันธุกรรมที่เกิดจากยีนเดี่ยวหรือปัจจัยทางพันธุกรรมที่ชัดเจน เช่น ความผิดปกติของโครโมโซมที่มีประโยชน์ในการวินิจฉัย การพยากรณ์โรค และการถ่ายทอดลักษณะดังกล่าวในครอบครัวที่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดจากการที่ผู้รับบริการไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจเลือกการตรวจสารพันธุกรรม ตลอดจนอาจมีการชี้นำจากการกล่าวอ้างที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ถึงความถูกต้องและแม่นยำที่อาจเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดทางการแพทย์ หรือเพิกเฉยละเลยต่อการตรวจคัดกรองหรือการดูแลที่จำเป็น ทางสมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้านพันธุศาสตร์การแพทย์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ ร่วมกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์จุดยืนเพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตลอดจนใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อทำนายความเสี่ยงในการเกิดโรคในลักษณะบริการเชิงพาณิชย์ในครั้งนี้

.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีการประชาสัมพันธ์เรื่องการตรวจยีนหรือดีเอ็นเอแพร่หลายในสื่อสังคมต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์และโซเชียลมีเดียโดยไม่ต้องผ่านแพทย์ ซึ่งเราต้องระวังผลกระทบที่เกิดจากการตรวจยีนไว้ด้วย โดยการตรวจยีนโดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1. การตรวจเพื่อดูว่าเป็น พ่อ แม่ ลูก กันจริงหรือไม่ อาจรวมถึงการเป็นญาติพี่น้องสายตรงด้วย  2. การตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อดูว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกับที่มีหลักฐานในที่เกิดเหตุหรือไม่ และ 3. การตรวจทางการแพทย์ที่จะหาโรคทางพันธุกรรม ซึ่งผลการตรวจยีนต้องอาศัยการแปลผลและคำแนะนำที่ชัดเจน ต้องการเซ็นใบยินยอมก่อนตรวจบอกผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น การรักษาความลับของผู้ป่วย ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลการตรวจรวมทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ความผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากการตรวจ แนวทางรักษาหรือป้องกันโรคอาจเปลี่ยนไปเมื่อทราบข้อมูลของการตรวจพันธุกรรมแล้ว

รศ.นพ.ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การตรวจคัดกรองในบางกรณี ผลลัพธ์บางอย่างสามารถชี้นำบุคคลไปสู่ทางเลือกการป้องกัน การติดตามและการรักษาที่มีอยู่ นอกจากนี้ผลการทดสอบบางอย่างสามารถช่วยผู้คนในการตัดสินใจเกี่ยวกับการมีลูก หรือการตรวจคัดกรองทารกแรกเกิดสามารถระบุความผิดปกติทางพันธุกรรมในช่วงต้นของชีวิตเพื่อให้การรักษาที่รวดเร็วได้หากพบว่าเป็นโรค เรื่องของความเสี่ยงทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบทางพันธุกรรมมีน้อย เพราะส่วนใหญ่ใช้ตัวอย่างการตรวจในปริมาณเล็กน้อยมาก เช่น ต้องการเพียงตัวอย่างเลือดเล็กน้อยหรือเยื่อบุกระพุ้งแก้ม แต่ถ้าเป็นขั้นตอนที่ใช้สำหรับการตรวจก่อนคลอดจากทารกในครรภ์จะมีความเสี่ยงที่ต้องอธิบาย เพราะหากต้องการตัวอย่างของน้ำคร่ำ หรือเนื้อเยื่อรกหรือเลือดจากสายสะดือของทารกในครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงได้มากกว่า ความเสี่ยงที่สำคัญหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบทางพันธุกรรมจะเกี่ยวข้องกับผลทางอารมณ์ จิตใจ สังคม หรือการเงิน ผู้รับผลการตรวจอาจรู้สึกโกรธ หดหู่ วิตกกังวล รู้สึกผิดหรือรู้สึกถูกตีตราเกี่ยวกับผลลัพธ์ บ่อยครั้งที่การทดสอบทางพันธุกรรมสร้างความตึงเครียดภายในครอบครัว เนื่องจากผลลัพธ์สามารถนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลของสมาชิกในครอบครัวคนอื่น นอกเหนือจากผู้ที่ถูกทดสอบเพราะมีความโยงใยกันในพันธุกรรมอาจเกิดความเป็นไปได้  ของการเลือกปฏิบัติทางพันธุกรรมในการจ้างงานหรือการประกันภัยก็ยังเป็นข้อกังวลอยู่มาก

.นพ.ประสิทธิ์ เผ่าทองคำ สมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ และอาจารย์ประจำสาขาเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อพูดถึงพันธุกรรม หลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง ยีน หรือดีเอ็นเอ ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดคุณลักษณะทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ ความผันแปรหรือความแตกต่างทางพันธุกรรมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพก่อให้เกิดโรค หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในอนาคต โรคเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นใหม่ (ไม่จำเป็นต้องมีประวัติครอบครัว) หรืออาจได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การตรวจทางพันธุกรรมในผู้ป่วยหรือผู้มีความเสี่ยงอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัย และให้การดูแลและได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมในการรักษาและป้องกันโรค ตลอดจนการวางแผนครอบครัวต่อไป การตรวจอาจสามารถกระทำได้ตั้งแต่ก่อนมีบุตร ขณะตั้งครรภ์ ในวัยเด็กหรือก่อนเกิดอาการ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องอภิปรายและพูดคุยก่อนรับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนการตรวจ และรับคำแนะนำหลังได้รับทราบผล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ แพทย์ทางพันธุศาสตร์หรือนักให้คำปรึกษาทางพันธุศาสตร์ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและความเข้าใจผิดจนนำไปสู่การดูแลรักษาหรือป้องกันที่อาจไม่จำเป็นหรือเกิดผลเสียตามมาได้ โรคหรืออาการที่มีสาเหตุจากพันธุกรรมมีได้หลากหลาย ตั้งแต่ความผิดปกติแต่กำเนิด พัฒนาการผิดปกติ โรคทางสมอง เช่น โรคลมชัก โรคมะเร็งชนิดครอบครัว เป็นต้น 

การตรวจพันธุกรรมอีกลักษณะหนึ่งคือ การตรวจหาพาหะของโรคพันธุกรรม (พาหะโดยทั่วไปจะแข็งแรงดีเหมือนคนปกติ) ในคู่สมรส ซึ่งถ้าทั้งคู่เป็นพาหะของโรคพันธุกรรมชนิดเดียวกันก็จะมีโอกาสที่จะมีลูกที่มีโรคพันธุกรรมนั้นได้ ตัวอย่างที่แนะนำกันแพร่หลายคือ พาหะของโรคเลือดจางจากพันธุกรรมที่เรียกว่าโรคธาลัสซีเมีย ถ้าพบว่าคู่สมรสเป็นพาหะก็ต้องพูดคุยปรึกษากับสูติแพทย์เกี่ยวกับการตรวจติดตามลูกต่อไปว่าจะเกิดโรคหรือไม่ การตรวจแบบนี้ก็ควรได้รับคำแนะนำก่อนตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการโฆษณาชวนเชื่อว่า การตรวจพันธุกรรมสามารถทำนายพัฒนาการ บุคลิกภาพ สมรรถภาพทางร่างกาย ตลอดจนการเลือกสารอาหารเสริมที่เหมาะสมแก่ร่างกายได้ และการตรวจความเสี่ยงโรคที่พบบ่อยโดยทั่วไป เช่น ภาวะสมองเสื่อม เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งจากหลักฐานในปัจจุบันเชื่อว่าพันธุกรรมอาจมีบทบาทในเรื่องเหล่านี้ แต่เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก และไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้การตรวจทางพันธุกรรมเพื่อทำนายลักษณะดังกล่าวอย่างได้ผล จึงไม่ควรสนับสนุนแพทย์ที่ทำเวชปฏิบัติโดยอิงวิทยาศาสตร์ทุกคน และไม่ควรให้คำแนะนำให้มีการตรวจในลักษณะนี้ในทางการแพทย์ การตรวจในลักษณะดังกล่าวอาจนำไปสู่การแปลผลที่ผิดพลาดรุนแรง การเลี้ยงดูเด็กที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ขัดขวางพัฒนาการ การจำกัดอาหารหรือได้อาหารเสริมที่ราคาแพงแต่ไม่มีประโยชน์ และบางครั้งอาจจะเกิดโทษ ตลอดจนตราบาปหรือการจำแนกชั้นในสังคมจากผลการตรวจ

 

แถลงการณ์จุดยืน (Position Statement) ฉบับที่ 1 สมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ (Medical Genetics and Genomics Association)

สถานการณ์ปัจจุบัน

            เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันมีการเสนอการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อทำนายความเสี่ยงในการเกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพ ตลอดจนวิถีชีวิตและสุขภาพ เช่น การเลือกอาหาร หรือการออกกำลังกาย ตลอดจนก้าวล่วงมาถึงการทำนายศักยภาพทางร่างกาย สติปัญญา และพัฒนาการ โดยอ้างหลักการการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล (access to personal health information) เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ลักษณะของโรคหรือวิถีชีวิต และศักยภาพดังกล่าวเป็นลักษณะที่ซับซ้อน ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยลักษณะทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตอื่น ๆ ทำให้การใช้ประโยชน์จากการตรวจในลักษณะนี้ไม่มีประสิทธิภาพที่แท้จริง แตกต่างไปจากการตรวจโรคพันธุกรรมที่เกิดจากยีนเดี่ยวหรือปัจจัยทางพันธุกรรมที่ชัดเจน เช่น ความผิดปกติของโครโมโซมที่มีประโยชน์ในการวินิจฉัย การพยากรณ์โรค และการถ่ายทอดลักษณะดังกล่าวในครอบครัวที่ชัดเจน  

            ด้วยความตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดจากการที่ผู้รับบริการไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจเลือกการตรวจสารพันธุกรรม ตลอดจนอาจมีการชี้นำจากการกล่าวอ้างที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ถึงความถูกต้องและแม่นยำ อันอาจจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดทางการแพทย์ หรือการเพิกเฉยละเลยต่อการตรวจคัดกรองหรือการดูแลที่จำเป็น ทางสมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้านพันธุศาสตร์การแพทย์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ (ร่วมกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย) จึงออกแถลงการณ์จุดยืนเพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตลอดจนใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อทำนายความเสี่ยงในการเกิดโรคในลักษณะบริการเชิงพาณิชย์ดังกล่าว

ขอบข่ายของแถลงการณ์จุดยืน

            เนื่องจากในต่างประเทศ การตรวจสารพันธุกรรมเพื่อหาความเสี่ยงการเกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพ และการตรวจสำหรับวิถีชีวิต สุขภาพ ศักยภาพทางร่างกาย สติปัญญา และพัฒนาการดังกล่าวข้างต้น เป็นลักษณะการกระทำที่ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อบริการดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านผู้ให้บริการทางสุขภาพหรือแพทย์ จึงเป็นลักษณะของการให้บริการการตรวจแบบขายตรงต่อผู้บริโภค (Direct-to-Consumer Genetic Testing; DCGT) ในขณะที่ในสถานการณ์ประเทศไทยกลับพบว่ามีการเสนอการตรวจสารพันธุกรรมด้วยวิธีดังกล่าวโดยผู้ให้บริการทางสุขภาพ และในสถานพยาบาลทางการแพทย์และสุขภาพ ขอบข่ายของแถลงการณ์จุดยืนนี้จึงครอบคลุมทั้งการตรวจแบบขายตรงต่อผู้บริโภค (ซึ่งไม่แพร่หลายในประเทศไทย) และการตรวจสารพันธุกรรมด้วยวิธีดังกล่าวในสถานพยาบาลทางการแพทย์และสุขภาพ โดยชื่อที่มีการใช้ในทางโฆษณา ได้แก่ การตรวจจากกระพุ้งแก้ม การตรวจ SNP การตรวจดีเอ็นเอหาความเสี่ยงโรค เป็นต้น

            การตรวจสารพันธุกรรมดังกล่าวไม่รวมถึงการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อหาสาเหตุโรคพันธุกรรมที่เกิดจากยีนเดี่ยว หรือความผิดปกติของโครโมโซมเพื่อการวินิจฉัยโรค หรือความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น การตรวจการกลายพันธุ์ของยีนที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งชนิดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือการตรวจหาพาหะของโรคพันธุกรรมสำหรับคู่ก่อนมีบุตรหรือก่อนคลอด หรือการตรวจวินิจฉัยก่อนฝังตัว การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด ซึ่งกระทำและให้คำแนะนำโดยแพทย์เวชปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมโดยตรง

แถลงการณ์จุดยืน

            1. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ต้องเปิดเผยถึงความไว (sensitivity), ความจำเพาะ (specificity), ค่าการทำนายของการตรวจ (predictive value) ดังกล่าว รวมถึงลักษณะประชากร หรือเชื้อชาติที่การตรวจนั้น ๆ อาศัยข้อมูลอ้างอิงมาในลักษณะที่สามารถเข้าใจได้สำหรับประชากรทั่วไป

            2. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ต้องเปิดเผยถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่นำมากล่าวอ้างถึงประโยชน์ของการตรวจอย่างชัดเจน รวมทั้งข้อจำกัดของการตรวจในลักษณะที่ให้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าลักษณะที่ทำการตรวจดังกล่าวไม่ได้ถูกกำหนดด้วยลักษณะทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว การตรวจพบลักษณะทางพันธุกรรมที่ทำการตรวจไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าผู้รับการตรวจจะต้องเป็นลักษณะดังกล่าว ในขณะที่การตรวจไม่พบลักษณะทางพันธุกรรมที่ทำการตรวจก็ไม่ได้หมายถึงผู้นั้นไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพดังกล่าว

            3. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ต้องเปิดเผยถึงความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากการตรวจนั้น ๆ ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะความเสี่ยงต่อสุขภาพจิตใจ และผลที่เกิดต่อญาติและครอบครัว หากพึงมี

            4. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อปฏิบัติเรื่องข้อมูลสุขภาพของบุคคลตามระเบียบที่บังคับใช้ในขณะนั้น (ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการคุ้มครองและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561) อย่างเคร่งครัด

            5. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ในกรณีที่เป็นการตรวจเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โภชนาการ ศักยภาพร่างกายและสติปัญญา ต้องเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานการศึกษาถึงประสิทธิภาพของการตรวจในการทำนายดังกล่าวต่อคำแนะนำที่ให้เมื่อได้รับผลจากการตรวจนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีหลักฐานยืนยันประสิทธิภาพชัดเจนของการตรวจในลักษณะและคำแนะนำหลังการตรวจดังกล่าว

            6. ผู้ให้บริการการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ ในกรณีที่เป็นการตรวจทางเภสัชพันธุศาสตร์ต้องเปิดเผยข้อจำกัดของการตรวจแต่ละวิธีการ ข้อจำกัดของการแปลผล ทำนายและแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เฉพาะเจาะจงต่อคำแนะนำที่ได้หลังจากการตรวจทางเภสัชพันธุศาสตร์นั้น ๆ

            7. สมาคมเวชพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ทางการแพทย์ ไม่แนะนำการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อค้นหาศักยภาพร่างกายและสติปัญญา เพื่อเลือกชนิดการออกกำลังกายหรือกีฬา และการศึกษาหรือทำนายสติปัญญาหรือศักยภาพในการพัฒนาการด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในเด็ก เนื่องจากไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่ยืนยันประสิทธิผลของการตรวจดังกล่าว อีกทั้งยังขัดต่อหลักการตรวจสารพันธุกรรมในเด็กและเยาวชนที่ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกการตรวจด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการเกิดผลตามมาต่อการเลี้ยงดูหรือส่งเสริมพัฒนาการที่ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการโดยอ้างอิงจากการตรวจสารพันธุกรรมดังกล่าว

            8. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับและควบคุมมาตรฐานของการตรวจทางการแพทย์และสุขภาพ ควรมีบทบาทกำหนดข้อบ่งชี้ในการตรวจสารพันธุกรรมที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการกล่าวอ้างประสิทธิภาพของการตรวจที่เกินจริง

            9. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับและควบคุมมาตรฐานของการตรวจทางการแพทย์และสุขภาพ ควรมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของการตรวจสารพันธุกรรมตามขอบข่ายของแถลงการณ์นี้ เพื่อให้ผู้รับบริการที่รับการตรวจได้รับการตรวจที่มีคุณภาพตามมาตรฐานห้องปฏิบัติการ

            10. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับและควบคุมมาตรฐานของการตรวจทางการแพทย์และสุขภาพ ควรมีบทบาทในการกำหนดคุณสมบัติผู้ให้บริการในการตรวจที่มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถให้บริการและเปิดเผยข้อมูลของการตรวจตามแถลงการณ์จุดยืนนี้ในข้อ 1-4 ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง

            11. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับและควบคุมธุรกิจและการโฆษณา และคุ้มครองผู้บริโภค ควรมีบทบาทในการให้ความรู้แก่ประชาชน และการกำหนดข้อควรระวังและข้อแนะนำ ตลอดจนระเบียบในการกล่าวอ้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการตรวจ โดยต้องอิงตามหลักฐานวิทยาศาสตร์การแพทย์

                                                          ประกาศไว้ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2562

เอกสารอ้างอิง

  1. American College of Medical Genetics Statement on Direct-to-Consumer Genetic Testing 2004.
  2. American Society of Human Genetics Statement on Direct-to-Consumer Genetic Testing in the United States 2007.
  3. Statement of the European Society of Human Genetics on Direct-to-Consumer Genetic Testing for Health-Related Purposes 2010.
  4. Direct-to-Consumer Genetic Testing: a systematic review of position statements, policies and recommendations. Clin Genet 2012.
  5. Legislation on Direct-to-Consumer Genetic Testing in Seven European Countries. Eur J Hum Genetics 2012.
  6. Australian Government National Health and Medical Research Council Statement on Direct-to-Consumer Genetic Testing 2015.
  7. Canadian College of Medical Geneticists Statement on Direct-to-Consumer Genetic Testing 2011.
  8. Consensus Statement on Direct-to-Consumer Genetic Testing for Predicting Sports Performance and Talent Identification. Br J Sports Med 2015.
  9. American College of Medical Genetics: a revised position statement on Direct To Consumer Genetic Testing 2016.
  10. Transparency of Genetic Testing Services for 'health, wellness and lifestyle': analysis of online prepurchase information for UK consumers. Eur J Hum Genetics 2017.